ในโลกที่หมุนเร็วอย่างไม่หยุดนิ่ง หลายคนอาจใช้เวลาทั้งวันเพื่อรับมือกับงาน ความรับผิดชอบ หรือสิ่งเร้ารอบตัว จนลืมไปว่า “ตัวเอง” ก็ต้องการการดูแลไม่ต่างจากคนอื่น การมี Me Time หรือช่วงเวลาส่วนตัวประจำวัน จึงเป็นเหมือน วันหยุด เล็ก ๆ” สำหรับจิตใจและวิญญาณที่อ่อนล้า เป็นการหยุดพักชั่วคราวจากโลกภายนอก เพื่อกลับมารับฟัง ดูแล และเชื่อมโยงกับตัวเองอีกครั้ง
Me Time คืออะไร?
Me Time คือช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองโดยไม่ถูกรบกวน ไม่จำเป็นต้องยาวนานหรือพิเศษอะไร เพียงไม่กี่นาทีก็เพียงพอที่จะชาร์จพลังใจ ช่วยให้เรารู้สึกมีคุณค่า เป็นอิสระ และมีสมดุลในชีวิต
Me Time ไม่ใช่การเอาเปรียบเวลา แต่คือการให้ “พื้นที่ปลอดภัย” แก่ตัวเองในแต่ละวัน เพื่อหลุดพ้นจากความวุ่นวายและความกดดันรอบตัว
ประโยชน์ของการมี Me Time ทุกวัน

- ฟื้นฟูพลังใจ: ช่วยคลายความเหนื่อยล้าทางอารมณ์
- ลดความเครียด: เมื่อได้หยุดคิดเรื่องงานหรือปัญหา ช่วยให้สมองผ่อนคลาย
- เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพ: การหยุดพักสั้น ๆ ช่วยให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- สร้างความมั่นคงทางอารมณ์: Me Time คือช่วงเวลาที่เราได้จัดระเบียบความคิดและความรู้สึก
- ฟังเสียงตัวเองมากขึ้น: ช่วยให้เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรจริง ๆ
รูปแบบของ Me Time ที่คุณสามารถทำได้ทุกวัน
1. เช้าเงียบ ๆ ก่อนโลกจะวุ่นวาย
- ตื่นให้เช้าขึ้น 15–30 นาที เพื่อดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ หรือเขียนไดอารี่
- ไม่จับโทรศัพท์ ไม่เปิดข่าว ให้ช่วงเช้าเป็น “เวลาของฉัน” อย่างแท้จริง
2. เดินคนเดียวแบบไม่เร่งรีบ
- เดินเล่นรอบบ้าน เดินในสวนสาธารณะ หรือเดินไปซื้อของช้า ๆ
- ฟังเสียงธรรมชาติแทนเสียงคน หรือใส่หูฟังเพลงโปรดแล้วปล่อยใจลอยไป
3. ปิดหน้าจอ เปิดใจให้ตัวเอง
- ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 30 นาทีต่อวัน แล้วอยู่กับตัวเองโดยไม่ทำอะไรเลย
- อาจใช้เวลานี้นั่งเงียบ ๆ ฝึกสมาธิ หายใจลึก หรือนั่งจ้องท้องฟ้า
4. กิจกรรมโปรดแบบคนเดียว
- วาดรูป ทำงานฝีมือ ปลูกต้นไม้ อ่านนิยาย ฟังเพลง หรือดูหนังคนเดียว
- ไม่ต้องมีเป้าหมายหรือผลลัพธ์ แค่ทำเพื่อความสบายใจก็พอ
5. เขียนขอบคุณ/ระบายอารมณ์
- ใช้สมุดเล่มเล็กเขียน 3 สิ่งที่คุณขอบคุณในแต่ละวัน
- หรือระบายสิ่งที่ค้างในใจออกมา โดยไม่ต้องกลัวถูกตัดสิน
เคล็ดลับในการสร้าง Me Time ให้ยั่งยืน
- กำหนดเวลาไว้ในตารางประจำวัน เช่น 15 นาทีหลังอาหารเที่ยง หรือก่อนนอน
- ปิดสิ่งรบกวน เช่น โทรศัพท์ แจ้งเตือน หรือเสียงรอบข้าง
- แจ้งคนรอบตัว ว่าช่วงเวลานี้คุณขอใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
- อย่ารู้สึกผิด ที่ให้เวลากับตัวเอง เพราะคุณมีสิทธิ์พัก เหมือนที่คุณให้คนอื่นพัก
- เริ่มจากน้อย ๆ ไม่ต้องเยอะ แต่สม่ำเสมอ เพื่อสร้างนิสัยที่ดีระยะยาว
ตัวอย่าง Me Time ตามช่วงเวลาในชีวิตจริง
ช่วงเช้า (ก่อนเริ่มงาน)
- ตื่นเช้าเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่องาน: ใช้เวลา 10–20 วันหยุด นาทีดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ เงียบ ๆ หรือเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ
- เขียน Morning Journal: เขียนสิ่งที่รู้สึกขอบคุณ เป้าหมายเล็ก ๆ หรือสิ่งที่อยากทำให้ตัวเองวันนี้
ช่วงกลางวัน (ระหว่างพัก)
- ทานข้าวอย่างมีสติ (Mindful Eating): ปิดมือถือ ไม่ทำอย่างอื่น และตั้งใจเคี้ยวทุกคำ ช่วยให้สมองพักและมีสติ
- เดินออกไปสูดอากาศ: แค่เดินรอบตึก หรือเดินช้า ๆ ระหว่างพักเที่ยง ก็ช่วยให้คุณได้รีเซ็ตความรู้สึก
ช่วงเย็น/ก่อนนอน
- อาบน้ำเหมือนสปา: ปรับอุณหภูมิให้อุ่น เปิดเพลงเบา ๆ หรือใช้กลิ่นหอมที่ชอบ
- งดหน้าจอ 30 นาที: ลองปิดโทรศัพท์ อ่านหนังสือ หรือเขียนไดอารี่ แทนการไถมือถือจนดึก
ตัวช่วยสร้าง Me Time ให้ง่ายขึ้น
เครื่องมือ | วิธีใช้ | เหมาะกับใคร |
---|---|---|
แอปพลิเคชันทำสมาธิ (เช่น Insight Timer, Headspace) | ใช้ฟังเสียงธรรมชาติ หรือไกด์สมาธิ 5–10 นาที | คนเริ่มฝึกมีสมาธิและต้องการพักใจแบบรวดเร็ว |
สมุดโน้ตเล่มเล็ก | พกไว้จดสิ่งดี ๆ ในวัน หรือความรู้สึกที่อยากปล่อย | คนที่คิดมากและอยากระบายออก |
กลิ่นหอมหรือเทียนอโรม่า | ใช้สร้างบรรยากาศสบายขณะอยู่คนเดียว | คนที่อ่อนไหวต่อบรรยากาศ |
หูฟังดี ๆ สักคู่ | เปิดเพลงที่รักในเวลาที่โลกภายนอกวุ่นวาย | คนที่ต้องการตัดขาดจากสิ่งรบกวน |
คำถามที่หลายคนสงสัย
Q: ถ้ามีเวลาแค่ 10 นาที จะมี Me Time ได้จริงไหม?
A: ได้แน่นอน! แค่คุณ “ตั้งใจใช้” เวลานั้นเพื่ออยู่กับตัวเอง ไม่ทำเพื่อคนอื่น ไม่เร่งรีบ ก็ถือว่าได้พักแล้ว
Q: Me Time เหมือนการขี้เกียจหรือเปล่า?
A: ไม่เลย การมีเวลาส่วนตัวคือการบำรุงใจ ไม่ใช่การละเลยหน้าที่ ตรงกันข้าม คนที่ดูแลตัวเองได้ดีจะมีพลังใจไปดูแลผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
เทคนิคการวางแผน Me Time ให้กลายเป็นนิสัยประจำวัน
1. กำหนดเวลาไว้ในตารางชีวิตจริง
แทนที่จะรอให้มีเวลาว่าง ควรสร้าง “พื้นที่เวลา” สำหรับตัวเอง เช่น 20 นาทีหลังเลิกงาน หรือ 15 นาทีก่อนนอน โดยถือว่าเป็นเวลาที่ไม่สามารถเลื่อนหรือตัดออกได้เหมือนกับนัดหมายสำคัญอื่น ๆ
2. เริ่มจากเล็กไปใหญ่
หากยังไม่คุ้นชินกับการอยู่กับตัวเองนาน ๆ เริ่มจาก 5 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น 10 หรือ 20 นาทีต่อวัน การเปลี่ยนพฤติกรรมต้องใช้เวลา และการเริ่มต้นเล็ก ๆ จะช่วยให้รู้สึกไม่กดดัน
3. อย่าเน้นทำให้ดูดี เน้นทำให้สบายใจ
Me Time ไม่ต้องหรู ไม่ต้องเป็นกิจกรรมที่น่าถ่ายรูป หรือมีประโยชน์ต่อใคร ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันทำให้ใจคุณอ่อนโยนขึ้นก็เพียงพอแล้ว
4. สังเกตผลที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
หลังจากทำ Me Time ให้จดบันทึกหรือทบทวนว่า รู้สึกอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างไร อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณทำต่ออย่างต่อเนื่อง
Me Time กับความสัมพันธ์รอบตัว
เมื่อเราให้เวลากับตัวเอง เราจะเข้าใจและให้อภัยผู้อื่นได้มากขึ้น เพราะความวุ่นวายส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราเหนื่อยเกินไป เครียดเกินไป หรือรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นภาระ การดูแลตัวเองไม่ใช่การตัดขาดจากความรับผิดชอบ แต่คือการสร้างสมดุลระหว่าง “การให้” กับ “การรักษาใจของตัวเอง”
การมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองจะช่วยให้เราเป็นคนที่พร้อมกลับไปอยู่กับคนอื่นอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นในบทบาทของลูก แม่ พ่อ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน